วันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2557

วันศุกร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ขนมน้ำดอกไม้


สูตรขนมไทย : ขนมน้ำดอกไม้
ขนมหวานไทย : ขนมน้ำดอกไม้

           เว้นว่างจากการทำ ขนมไทย มาสักพักมื้อนี้ เกิดอาการ ครึ้มอก ครึ้มใจ อยากทำขนมหวาน แบบไทยๆ กินเป็นอาหารว่างดูสักมื้อ คิดไปคิดมาว่าจะทำอะไรกินดี จนมาตกผลึกที่ “ขนมน้ำดอกไม้” ขนมไทยสีสวย กลิ่นหอม แสนชื่นใจ
ส่วนผสม
* แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง
* แป้งเท้ายายม่อม 1 ช้อนโต๊ะ
* น้ำลอยดอกมะลิ 2 1/2 ถ้วยตวง
* น้ำตาลทราย 3/4 ถ้วยตวง
* สีผสมอาหาร (ตามความชอบ)
ขนมหวานไทย : ขนมน้ำดอกไม้
ขนมหวานไทย : ขนมน้ำดอกไม้

วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน
1. ผสมแป้งข้าวเจ้าและแป้งเท้ายายม่อม จากนั้นนำไปร่อนและพักทิ้งไว้
2. นำน้ำลอยดอกมะลิและน้ำตาลทรายไปตั้งในหม้อบนไฟอ่อนๆ คนจนผสมกันทั่วและน้ำตาลละลายดีจึงปิดไฟ ทิ้งไว้ให้เย็น
3. นำน้ำเชื่อมและแป้งผสมกันทีละน้อย คนจนส่วนผสมเข้ากันดี จึงใส่สีผสมอาหารลงไป ควรผสมให้เป็นสีโทนอ่อนจะน่าร้บประทานมากกว่าสีเข้มใส่น้ำเปล่าในลังถึงประมาณ 3 ใน 4 ส่วนของหม้อ เอาหม้อตั้งไฟแรงต้องใช้น้ำในหม้อมาก และไฟแรง หากไฟอ่อนหน้าขนมจะไม่บุ๋ม เอาถ้วยตะไลวางเรียงในลังถึง นึ่งถ้วยเปล่าประมาณ 10-15 นาที กะให้ถ้วยร้อนจัดๆ โดยใช้ไฟแรง 
4. นำแบบพิมพ์ที่ต้องการไปนึ่งให้ร้อนประมาณ 10 นาที จากนั้นจึงหยอดน้ำแป้งลงในแบบพิมพ์ที่ต้องการ แล้วนำไปนึ่งประมาณ 15 นาทีจนสุก ทิ้งไว้ให้เย็น แคะออกจากแบบ จัดใส่จานเสริฟ**การนึ่งถ้วยตะไลเปล่าๆ เพื่อให้ตัวขนมไม่ติดกับถ้วยตะไล สามารถแคะออกได้สะดวก พอถ้วยร้อนจัดแล้ว ก็ตักแป้งหยอดลงไปให้เต็มถ้วย นึ่งไฟแรงต่ออีกประมาณ 10-15 นาที ขนมก็จะสุก ยกลงทิ้งไว้ให้เย็น ใช้มีดหรือไม้ปลายแหลมจุ่มน้ำแคะขนมออกจากถ้วย วางเรียงจัดใส่จาน ก็จะได้ขนมน้ำดอกไม้สีสวยแล้ว**
ข้อแนะนำ   ก่อนตักขนมใส่ถ้วยตะไล ต้องนึ่งถ้วยตะไลให้ร้อนก่อน จึงหยอดขนมใส่ถ้วย แล้วปิดฝาทันที  และถ้าน้ำตาลหวานเกินไปจะทำให้ขนมไม่บุ๋ม


ขนมชั้น

สูตรขนมไทย : ขนมชั้น

ขนมหวานไทย : ขนมชั้นใบเตย

        ขนมชั้น ... เป็นหนึ่งในขนมไทยไม่กี่อย่างที่ดิฉันชอบกินมากค่ะ  ดิฉันจึงพยายามสรรหาสูตรขนมชั้นจากหลาย ๆ ที่มาลองให้ทุกคนหัดทำ เพื่อหาขนมชั้นที่ดิฉันคิดว่าอร่อยที่สุด (ในความรู้สึกของดิฉัน)  และในบรรดาสูตรที่ดิฉันมี  สูตรนี้ก็เป็นอีกหนึ่งสูตรที่ดิฉันคิดว่าดีค่ะ
       สูตรขนมชั้น .... สูตรนี้ ดิฉันได้มาหลายที่ แต่เท่าที่ได้ดูมาดิฉันคิดว่าสูตรนี้ทั้งความหวาน และความนุ่มของแป้ง กำลังดีเลยค่ะ  แป้งแต่ละชั้นก็สามารถลอกออกมาเป็นชั้น ๆ ได้อย่างง่ายดาย ... ใครสนใจอยากลองหัดทำขนมชั้นดู  เอาสูตรนี้ไปลอง ไม่ผิดหวังค่ะ
ส่วนผสม
* แป้งท้าวยายม่อม 2 ถ้วยตวง
* แป้งข้าวเจ้า 2 ถ้วยตวง
* น้ำตาลทราย 5 ถ้วยตวง
* น้ำลอยดอกมะลิ 2 ถ้วยตวง
* กะทิ 6 ถ้วยตวง
* น้ำดอกอัญชัญ 2 ช้อนโต๊ะ  (หรือน้ำใบเตยคั้นสด,
   หรือใช้สีผสมอาหารตามแต่สีที่ต้องการ)
ขนมหวานไทย : ขนมชั้นใบเตย
ขนมหวานไทย : ขนมชั้นใบเตย

วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน
1. นำดอกอัญชันล้างน้ำให้สะอาด นำไปปั่นใส่น้ำแล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง เพื่อเตรียมน้ำดอกอัญชัญ กรณีต้องการทำสีเขียวจากใบเตย ก็นำเอาใบเตยไปล้างให้สะอาดและนำไปปั่นใส่น้ำและกรองด้วยผ้าขาวบาง กรณีต้องการสีอื่น อาจใช้สีผสมอาหารแทน
2. นำน้ำลอยดอกมะลิไปตั้งบนไฟอ่อนๆ ผสมน้ำตาลทรายลงไป คนจนละลายดีเสร็จแล้วทิ้งไว้ให้เย็น
3. นำแป้งทั้งสองชนิด ผสมกับกะทิ นวดให้เหนียว จากนั้นใส่น้ำลอยดอกมะลิที่ผสมน้ำตาลแล้ว (ขั้นตอนที่ 2) ลงไปผสมให้เข้ากัน
4. แบ่งแป้งที่ผสมแล้วออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกแบ่งไว้ทำสีขาว และส่วนที่สอง ไว้ทำสีม่วงโดยเติมน้ำดอกอัญชัน (น้ำใบเตยหรือสีผสมอาหาร)ลงไปคนให้เข้ากัน
5. นำถาดที่ต้องการ (หรือแบบพิมพ์ที่เตรียมไว้) ใส่บนลังถึงตั้งบนไฟแรง ๆ พอน้ำเดือดเปิดฝา ตักแป้งสีขาวเทใส่ลงในถาดเกลี่ยให้ทั่วถาดบางที่สุด ปิดฝาเพื่อให้สุกประมาณ 5 นาที เปิดดูแป้งจะมีลักษณะใส จากนั้นตักแป้งสีม่วง (หรือสีที่ผสมลงไป) ใส่ลงไป อีก ทำสลับกันจนแป้งหมด (เคล็ดลับ : ควรใช้ภาชนะที่มีความจุเท่ากันในการตวงแป้งเทแต่ละชั้น เพื่อที่จะได้แป้งที่มีความหนาเท่า ๆ กัน)
6. นึ่งจนขนมสุกทั้งหมด แล้วยกลงทิ้งไว้ให้เย็นประมาณ 2 ชั่วโมงจึงตัดเป็นชิ้นเพื่อเสริฟ (เคล็ดลับ : ก่อนที่จะเทแป้งเพื่อทำชั้นต่อไปทุกครั้ง จะต้องแน่ใจว่าขนมในชั้นล่างนั้นสุกแล้วจริง ๆ ไม่เช่นนั้น แป้งชั้นนั้นจะไม่สุกเลย ถึงแม้จะใช้เวลานึ่งนานเท่าใดก็ตาม)
:: เคล็ดลับในการทำขนมชั้น ::
1. การที่จะหยอดส่วนผสมขนมชั้นถัดไป จะต้องให้แป้งขนมชั้นล่างสุกใสซะก่อนค่ะ
2. ก่อนจะหยอดส่วนผสมแป้งทุกครั้ง จะต้องคนส่วนผสมให้เข้ากันก่อน เพราะแป้งมักจะนอนก้น
3. การนึ่งในแต่ละชั้นก่อนจะปิดฝาซึ้ง ให้เอาผ้าสะอาดเช็ดหยดน้ำที่เกาะอยู่ในฝาซึ้งให้แห้งก่อนทุกครั้ง
4. ขนมชั้นที่ดีจะต้องมีหน้าที่เรียบ และแป้งมีความเหนียวนุ่ม อีกทั้งหวานมันกำลังดีนะคะ


      

ลูกชุบ


สูตรขนมไทย : ลูกชุบ

ขนมหวานไทย : ลูกชุบ

         ลูกชุบเป็นขนมสุดโปรดของดิฉันอีกอย่างหนึ่ง  จำได้ว่าตอนเด็กๆหากมีโอกาสไปตลาดกับคุณแม่เมื่อไหร่เผลอเป็นไม่ได้ ดิฉันจะวิ่งจู๊ด(ไม่ใช่ท้องเสียจู๊ดๆนะจ๊ะ)ไปหยิบกล่องขนมลูกชุบมา จนกระทั่งแม่คิดได้ว่าห้ามดิฉันกินลูกชุบไม่ไหว ต้องใช้วิธีสอนให้ดิฉันทำซะเลย! อิ อิ อยากกินดีนักก็ทำกินเอง (จุดประสงค์แม่คือ เดี๋ยวมันคงเบื่อไปเอง เพราะทำกินเองมันก็ไม่น่าจะติดใจมากมายนัก) ที่จริงแม่ดิฉันเก่งเรื่องทำขนมอยู่แล้วค่ะ
ส่วนผสม
* ถั่วเขียว 450 กรัม
* น้ำตาลทราย 200 กรัม (สำหรับผสมถั่ว)
* น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ (สำหรับทำน้ำวุ้น)
* น้ำกะทิ 400 กรัม
* วุ้นผง 3 ช้อนโต๊ะ
* น้ำเปล่า 3 ถ้วยตวง (สำหรับทำน้ำวุ้น)
* สีผสมอาหาร(อย่างน้อยแม่สี 3 สี : สีแดง, สีเหลืองและน้ำเงิน),จานสีและพู่กัน
* ไม้จิ้มฟัน (สำหรับเสียบถั่วที่ปั้นแล้วเพื่อแต่งสีและจิ้มลงในน้ำวุ้น)
* โฟม (สำหรับเสียบถั่วปั้นระหว่างทำ ถ้าวางบนพื้นจะเสียทรง)

ขนมหวานไทย : ลูกชุบ
ขนมหวานไทย : ลูกชุบ (Green Peanut in Jelly)

วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน
1. นำถั่วเขียวเลาะเปลือกมาทำความสะอาด และแช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นจึงนำไปนึ่งให้สุก ใช้เวลาประมาณ 15 นาที)
2. เมื่อถั่วเขียวสุกดีแล้ว ให้นำไปใส่ในเครื่องปั่นไฟฟ้า พร้อมกับน้ำตาลทรายและน้ำกะทิ ปั่นจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี
3. จากนั้นจึงเทส่วนผสมลงในกระทะทองเหลือง (หรือกระทะเคลือบเทฟลอนก็ได้)และตั้งบนไฟอ่อนๆ ค่อยๆกวนจนข้นและเหนียว (ใช้เวลาประมาณ 20 - 30 นาที) จึงปิดไฟ และทิ้งไว้ให้เย็น (ถั่วต้องแห้ง มิเช่นนั้นจะไม่สามารถนำไปปั้นได้)
4. ก่อนปั้นให้นวดส่วนผสมทั้งหมดอีกครั้งจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว จากนั้นจึงปั้นให้เป็นรูปทรงตามใจชอบ (ผัก, ผลไม้หรือสัตว์น่ารักๆ) เมื่อปั้นเสร็จให้เสียบไม้จิ้มฟันรอไว้ ควรปั้นส่วนผสมทั้งหมดให้เสร็จเรียบร้อยก่อน ถั่วที่ปั้นเสร็จแล้วควรห่อไว้ด้วยผ้าขาวบางชุบน้ำหมาดๆ
5. ผสมสีผสมอาหารตามต้องการ แล้วจึงบรรจงแต่งสีลงบนถั่วปั้นให้เหมือนจริง หรือตามแต่ความชอบ
6. ทำน้ำวุ้นโดยผสมน้ำเปล่า, ผงวุ้นและน้ำตาล ลงในหม้อ นำไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง หมั่นคนอย่างสม่ำเสมอ รอจนส่วนผสมเดือด ช้อนฟองที่ลอยหน้าออก จึงหรี่ไฟลง
7. นำถั่วปั้นที่แต่งสีแล้วไปชุบในน้ำวุ้น ควรชุบประมาณ 2 - 3 ครั้ง ระหว่างชุบวุ้นต้องอุ่นน้ำวุ้นด้วยไฟอ่อนเพื่อไม่ให้วุ้นแข็ง ถ้าไม่พอก็ผสมน้ำวุ้นขึ้นใหม่ตามอัตราส่วนข้างต้น
8. นำลูกชุบออกจากไม้ิจิ้มฟัน ตัดแต่งเศษวุ้นส่วนเกินออกด้วยกรรไกร จัดใส่จาน เสริฟเป็นของว่างในวันสบายๆได้ทันที

เม็ดขนุน

ขนมไทย : เม็ดขนุน

ขนมหวานไทย :  ขนมเม็ดขนุน

            ขนมไทย มีเอกลักษณ์ด้านวัฒนธรรมประจำชาติไทยคือ มีความละเอียดอ่อนประณีตในการเลือกสรรวัตถุดิบ วิธีการทำ ที่พิถีพิถัน รสชาติอร่อยหอมหวาน สีสันสวยงาม รูปลักษณ์ชวนรับประทาน ตลอดจนกรรมวิธีการรับประทานที่ปราณีตบรรจงของขนมแต่ละชนิด ซึ่งยังแตกต่างกันไปตามลักษณะของขนมชนิดนั้นๆ เม็ดขนุนขนมที่ทำให้สุกด้วยการเชื่อม เป็นการใส่ส่วนผสมลงในน้ำเชื่อมที่กำลังเดือดจนสุก  
ส่วนผสม
* ถั่วเขียวเลาะเปลือก 450 กรัม

* น้ำตาลทราย 200 กรัม (สำหรับผสมถั่ว)
* น้ำตาลทราย 3 ถ้วยตวง (สำหรับทำน้ำเชื่อม)
* น้ำกะทิ 400 กรัม
* น้ำเปล่า 3 ถ้วยตวง (สำหรับทำน้ำเชื่อม)
* ไข่เป็ด 5 ฟอง (ใช้เฉพาะไข่แดง)
ขนมหวานไทย : ขนมเม็ดขนุน
ขนมหวานไทย :  ขนมเม็ดขนุน
วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน
1. นำถั่วเขียวเลาะเปลือกมาทำความสะอาด และแช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นจึงนำไปนึ่งให้สุก ใช้เวลาประมาณ 15 นาที)
2. เมื่อถั่วเขียวสุกดีแล้ว ให้นำไปใส่ในเครื่องปั่นไฟฟ้า พร้อมกับน้ำตาลทรายและน้ำกะทิ ปั่นจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี
3. จากนั้นจึงเทส่วนผสมลงในกระทะทองเหลือง (หรือกระทะเคลือบเทฟลอนก็ได้)และตั้งบนไฟอ่อนๆ ค่อยๆกวนจนข้นและเหนียว (ใช้เวลาประมาณ 20 - 30 นาที) จึงปิดไฟ และทิ้งไว้ให้เย็น (ถั่วต้องแห้ง มิเช่นนั้นจะไม่สามารถนำไปปั้นได้)
4. ก่อนปั้นให้นวดส่วนผสมทั้งหมดอีกครั้งจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว จากนั้นจึงปั้นให้เป็นรูปทรงเม็ดขนุน
5. ทำน้ำเชื่อมโดยผสมน้ำตาลและน้ำเปล่า นำไปเคี่ยวในกระทะทองเหลือง (หรือกระทะเคลือบเทฟลอนก็ได้) จนเหนียวข้นเป็นยางมะตูม จึงปิดไฟ
6. ตอกไข่และเลือกเอาเฉพาะไข่แดงมารวมกัน เขี่ยพอให้ไข่แดงแตก จากนั้นจึงนำเม็ดขนุนที่ปั้นเตรียมไว้ใส่ลงไปแช่ในไข่แดงทีละเม็ด แล้วจึงนำไปใส่ในน้ำเชื่อม พยายามอย่าให้ติดกัน พอใส่ลงไปมากแล้วจึงนำกระทะไปตั้งบนไฟอ่อนๆจนสุกทั่งจึงตักออกมาพัก ทำซ้ำเช่นนี้จนเม็ดขนุนที่ปั้นไว้หมด
7. จัดเม็ดขนุนใส่จาน เสริฟทานเป็นของว่างในวันสบายๆ
***"เม็ดขนุน" ขนมไทยที่มีความหมายดี เหมาะสำหรับทุกงานบุญ หรือจะทำเป็นอาชีพเสริมก็ได้นะค่ะ เคล็ดลับ ถ้าปั้นลูกเล็ก จะน่ารับประทานมากกว่าลูกใหญ่ค่ะ***



ฝอยทอง

สูตรขนมไทย : ฝอยทอง

ขนมหวานไทย : ขนมฝอยทอง

            
          บอกกับเพื่อนๆว่าฝอยทอง...เป็นขนมไทยอย่างหนึ่งที่ดิฉันคุ้นเคยมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กเลยล่ะค่ะ เหตุเพราะในสมัยก่อนเนี่ย (สัก 10-15 ปีที่แล้ว)  เวลาบ้านใครมีงานบุญกันทีไร เค้าก็จะมีการทำขนมพวกนี้ (ฝอยทอง ทองหยิบ ทองหยอด เม็ดขนุน) ทั้งเพื่อทำบุญ ถวายพระ และแจกคนมาช่วยงาน กันคราวละมากๆ อยู่เสมอ (ไข่เป็ดประมาณ1000ใบ) ซึ่งคนที่ทำเนี่ยก็ไม่ใช่ใครอื่น  หากไม่ใช่ยายของดิฉันก็จะเป็นผู้ใหญ่ๆที่ดิฉันรู้จักอ่ะค่ะ ดังนั้นแล้วเวลาที่เค้าลงมือทำกัน ดิฉันก็เลยมักจะมีโอกาสได้ไปเล่นซนแถวบริเวณที่เค้าทำอยู่เป็นประจำ บางทีก็ไปช่วยยกกาละมังสำหรับใส่ไข่ที่ตอแล้ว  บางทีก็ช่วยยกกาละมังไข่ที่จะเอามาตอก
           ซึ่งในสมัยก่อนฝอยทองจะนิยมทำจากไข่แดงของไข่เป็ดล้วนๆค่ะ แต่ปัจจุบันมีการผสมไข่แดงของไข่ไก่ลงไปด้วย เพื่อเพิ่มความนุ่มนวลของเส้นฝอยทองและลดกลิ่นคาวไข่อ่ะค่ะ ...  และในโอกาสช่วงนี้ที่ในห้องก้นครัวเค้ากำลังฮิตๆ ทำเค้กฝอยทองกัน ดิฉันก็เลยขอฉกฉวยโอกาสนี้ทำฝอยทองมาให้เพื่อนๆได้ดูกันเผื่อว่าใครสนใจอยากจะลองทำกินเล่นๆ หรือทำแล้วเอาไปทำเป็นเค้กฝอยทองต่ออ่ะค่ะ ก่อนอื่น ...... ก็มาดูหน้าตาฝอยทองกันก่อนนะคะ 
http://pim.in.th/images/all-thai-sweet/gold-egg/gold-%20egg-yolks-thread-03.JPG
ส่วนผสม
* ไข่เป็ด 5 ฟอง
* ไข่ไก่ 5 ฟอง
* น้ำตาลทราย 2 1/2 ถ้วยตวง
* น้ำลอยดอกมะลิ 1 1/2 ถ้วยตวง (หรือน้ำเปล่า)
* ไข่น้ำค้าง 2 ช้อนโต๊ะ(ไข่ขาวส่วนที่เป็นน้ำใสๆ ที่ติดอยู่กับเปลือกด้านป้าน)
* น้ำมันพืช 1 ช้อนชา
* กรวยทองเหลืองหรือกรวยใบตอง (สำหรับโรยไข่ในกระทะ)
* ไม้แหลม (สำหรับตักและพับฝอยทองในกระทะ)
                    ขนมหวานไทย : ขนมฝอยทอง                           
ขนมหวานไทย : ขนมฝอยทอง
วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน
1. ต่อยไข่ไก่และไข่เป็ด เลือกเอาเฉพาะไข่แดง นำออกมากรองด้วยผ้าขาวบางเพื่อรีดเอาเยื่อออก
2. ผสมไข่แดง, ไข่น้ำค้างและน้ำมันพืชเข้าด้วยกัน คนจนผสมกันทั่ว
3. นำน้ำลอยดอกมะลิผสมกับน้ำตาลในกระทะทองเหลืองและนำไปตั้งไฟร้อนปานกลาง รอจนเดือด
4. นำส่วนผสมไข่แดงใส่ลงไปในกรวยและนำไปโรยในน้ำเชื่อมที่เดือด ทิ้งไว้ประมาณ 1 นาทีจนไข่สุกจึงใช้ไม้แหลม สอยขึ้นและพับให้เป็นแพตามต้องการ
5. จัดใส่จาน เสริฟเป็นของว่างทางเล่นในวันสบายๆ